วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันที่ 14 กุมภา ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เหมือนคนทั่วไป
กุหลาบ ช็อคโกแลต คำบอกรัก
สามสิ่งนี้ต้องเวียนเข้ามาหาชีวิตผมเพื่อให้คนคนหนึ่งทุก ๆ ปีในวันนี้
ก่อนวันที่ 14 กุมภา
ผมเดินออกจากบ้าน
ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่ต้องการเอาให้แฟนของผม
เธอเป็นหญิงสวยมาก เป็นดาวคณะของมหาลัยของเรา


ก่อนผมจะออกไปพบเธอ เธอโทรมาหาผม
ผมจึงวางผ้าเช็ดหน้าที่ผมบรรจงพับไว้บนโต๊ะ
หลังจากการพร่ำบอกรักกันด้วยถ้อยคำหวานหูเป็นเวลานาน ทีเดียว
ผมปรี่ออกจากบ้านไปหาเธอ
โดยไม่ลืมผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น
ผมเห็นพ่อของผมถือมันออกมา ในผ้าผืนนั้นมีรอยเลือด
"พ่อ ทำอะไรหนะ" ผมโพล่งถามด้วยความโมโห
พ่อหน้าซีดทันที
" นายเหมียวหนะ มันโดนกัด พ่อเลยเอาผ้าไปเช็ดเลือด"
"พ่อรู้ไหม ผมกำลังจะเอาไปให้แฟน "
พ่อเงียบ ผมเกลียดจริงๆ เวลาพ่อเงียบเมื่อเจอกับปัญหา
ความโมโหสั่งผมให้ทำได้แม้กระทั่งจะตบหน้าพ่อ
พ่อเบือนหน้า
"พ่อขอโทษ มานี่....." พ่อยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้า
"พ่อจะเอาไปซักให้เอง"
ผมงอนพ่อถึงกับไม่ยอมคุยกับพ่อเป็นเวลานานพอควร ไม่ยอมลงจากบ้าน
เป็นเวลาเกือบทั้งสองวันที่ผมไม่เจอหน้า
ใคร หมกตัวอยู่กับห้อง มีเพียงแม่เท่านั้นที่คอยส่งข้าวให้ผม
ยามเมื่อผมมองตาแม่ครั้งใดทุกครั้ง ดวงตาแม่จะแดงปรี่ด้วยน้ำตา
ผมเริ่มรู้สึกว่า บางทีผมอาจจะทำเกินไป
14 กุมภาพันธ์
ตั้งแต่ครั้งที่ผมเห็นแม่เสียใจ
ผมก็รู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
ผมยอมออกมาจากห้อง
ผมไม่เห็นพ่อ
เดินออกมาที่บริเวณลานซักผ้า กาละมังยังมีผ้าที่ยังไม่ซักหลายผืน
ข้างๆ มีกองเลือดอยู่ และที่ราวตากผ้ามี
ผ้าเช็ดหน้าของผม ถึงจะล้างรอยเลือดไม่หมด
ก็ยังดีที่พ่อยังห่วงใยผม ยังแคร์ผมอยู่
พ่อ ผมอยากขอโทษครับ
หันหน้าจะกลับเข้าบ้าน ก็พบกับแม่ แม่ร้องไห้มาแต่ไกล
วิ่งมากอดผม
" พ่อเสียแล้วนะ "
ผมอึ้ง      แม่ลำดับเหตุการณ์ และทำให้ผมทราบว่า
พ่อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจติดเชื้อ
รอยเลือดที่เห็นนั้นคือเลือดที่พ่อจาม
ออกมา พ่อมองไม่เห็น
"พ่อกำชับแม่มาตอนที่ลูกโกรธว่า อย่าบอกลูกเด็ดขาดว่าพ่อป่วย "
"ทำไมล่ะครับ"
"พ่อกลัวเราจะเสียใจ แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวกับแฟน"
ผมอึ้งเป็นครั้งที่สอง
"พ่อบอกแม่ด้วยว่า ถ้าพ่อเสียวันนี้ อย่าเพิ่งบอกลูก
ให้ลูกไปเที่ยวกับแฟนก่อน พ่อไม่อยากให้ลูกเป็นทุกข์ พลาด
โอกาสอย่างนี้เพราะพ่อคนเดียว
พ่อบอกด้วยว่าพ่อซักผ้าเช็ดหน้าให้แล้ว มันไม่สะอาดหรอก
แต่พ่อบอกว่าพ่อของลูกทำ
ดีที่สุดแล้ว"

ผมกอดแม่ ร้องไห้
วันนี้จะเป็นวันวาเลนไทน์ที่อยู่ในความทรงจำตลอดไป

พ่อครับ ผมขอโทษ.......

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้ มีความหมายดีนะ


ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……แล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก…

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น…….

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย

เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง


และเวลานี้….


ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลาที่จะ copy ข้อความนี้ไปให้คนที่คุณรักอ่าน…… แล้วคิดว่า….สักวันหนึ่ง………..ค่อยส่ง.. จงอย่าลืมคิดว่า….สักวันหนึ่ง…..วันนั้น คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่งตรงนี้เพื่อทำอย่างที่คุณต้องการอีกก็ได้

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554